ข้อมูล ข่าไฟ

รูปที่1

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hedychium coccineum   Buch. – Ham. Ex Sm.

ชื่อวงศ์ : ZINGIBERACEAE

ชื่ออื่นๆ : ข่าดง

ลักษณะ : ไม้ล้มลุก มีเหง้าใต้ดิน สูง 1-2 เมตร ใบ เดี่ยว รูปแถบ กว้าง 2-4 ซม. ยาว 35-45 ซม. ปลายใบเรียวแหลม ผิวใบเกลี้ยง ด้านล่าง มีขนที่เส้นกลางใบ ดอก สีส้มแดง ออกเป็นช่อตั้งจากปลายยอด ยาว 20-35 ซม. ใบประดับสีเขียวเข้ม รูปขอบขนาน มีขนประปราย ม้วนรอบดอก ใบประดับย่อยรูปขอบขนาน ปลายแยก 2 แฉก ไม่เท่ากัน กลีบรองดอกเชื่อมเป็นหลอด ยาว 2.5-3 ซม. มีขนแน่น ปลายกลีบแยก 3 แฉก กลีบดอกเป็นหลอด ยาว 3.3 ซม. มีแฉก เป็นเส้นปลายแหลม กลีบปากมนกลม ปลายแยกเป็น 2 แฉกลึก ก้านเกสรผู้ ยาว 7 ซม. รังไข่ มีขนแน่น มีไข่อ่อนจำนวนมาก

การกระจายพันธุ์ : อินเดีย เนปาล เมียนม่าห์ และภูมิภาค อินโดจีน ประเทศไทยพบทางภาคเหนือ ตามป่าดงดิบ หรือ ป่าผลัดใบผสม ที่ระดับความสูง 1,000-1,500 เมตร ออกดอกและ ติดผลช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม

ข้อมูล กระเบาใหญ่

รูปที่1

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hydnocarpus antelminthica   Pierre ex Laness

ชื่อวงศ์ : FLACOURTIACEAE

ชื่ออื่นๆ : กระเบา กระเบาตึก กระเบาน้ำ กระเบาเบ้าแข็ง เบา

ลักษณะ : ไม้ยืนต้น สูง 10-20 ม. ใบเป็นใบเดี่ยว รูปหอกแกมรูปไข่ กว้าง 3-7 ซม. ยาว 10-30 ซม. โคนใบมน ปลายใบสอบเรียว ขอบใบเรียบ เนื้อไม้กรอบ ดอกสีเหลืองแกมชมพู แยกเพศและอยู่ต่างต้น ดอกเพศผู้ออกเดี่ยวๆ ตามซอกใบ มีกลิ่นหอม กลีบดอก 5 กลีบ เกสรผู้ 5 อัน ดอกเพศเมียออกเป็นช่อสั้นๆ คล้ายดอกเพศผู้ รังไข่มีขนสีน้ำตาลแดง ผลสีน้ำตาล ทรงกลม ขนาด 8-12 ซม.ผิวค่อนข้างเรียบ เปลือกแข็ง ภายในมีเมล็ด 30-50 เมล็ด อัดกันแน่น

การกระจายพันธุ์ : พบกระจายในภูมิภาคอินโดจีน ในประเทศไทยพบทุกภาค ตามป่าดิบ และป่าบุ่งป่าทาม ที่ระดับความสูง 30-1,300 ม. ออกดอกและติดผลช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน

ประโยชน์ : เนื้อผลรับประทานได้ ใบและเมล็ดมีพิษ น้ำมันสกัดจากเมล็ดใช้เป็นยารักษาโรคเรื้อนและอาการปวดบวมตามข้อ

 

ข้อมูล มะปราง

ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Bouea macrophylla  Griffith
วงศ์ : Anacardiaceae
ชื่อสามัญ :  Marian Plum , Plum Mango
ชื่ออื่น : ปราง (ใต้)
ลักษณะ : ลำต้น มะปรางเป็นไม้ผลที่มีทรงต้นค่อนข้างแหลม มีกิ่งก้านสาขาค่อนข้างทึบต้นโตมีขนาดสูง 15-30 เซนติเมตร มีรากแก้วแข็งแรง ใบ มะปรางเป็นไม้ผลที่มีใบมาก ใบเรียว ขนาดใบโดยเฉลี่ยกว้าง 3.5 เซนติเมตร ยาว 14 เซนติเมตร ปีหนึ่งมะปรางจะแตกใบอ่อน 1-3 ครั้ง ดอก มะปรางจะมีดอกเป็นช่อ เกิดบริเวณปลายกิ่งแขนง ช่อดอกยาว 8-15 เซนติเมตร เป็นดอกสมบูรณ์เพศ (เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน) ดอกบานจะมีสีเหลือง ในไทยออกดอกช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ผล มีลักษณะทรงกลมรูปไข่และกลม ปลายเรียวแหลม มะปรางช่อหนึ่งมีผล 1-15 ผล ผลดิบมีสีเขียวอ่อน-เขียวเข้มตามอายุของผล ผลสุกมีสีเหลืองหรือเหลืองอมส้ม เปลือกผลนิ่ม เนื้อสีเหลืองแดงส้มออกแดงแล้วแต่ชนิดพันธุ์ รสชาติหวาน-อมหวานอมเปรี้ยว หรือเปรี้ยว-เปรี้ยวจัด เมล็ด มะปรางผลหนึ่งจะมี 1 เมล็ด ส่วนผิวของกะลาเมล็ดมีลักษณะเป็นเส้นใย เนื้อของเมล็ดทั้งสีขาวและสีชมพูอมม่วง รสขมฝาดและขม ลักษณะเมล็ดคล้ายเมล็ดมะม่วง หนึ่งเมล็ดเพาะกล้าได้ 1 ต้น
ประโยชน์ : ผลสุก มีกรดอินทรีย์หลายชนิด มีน้ำตาล มีวิตามินซีและวิตามินเอสูง ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม และอื่น ๆ ผลดิบ มีกรดอินทรีย์และวิตามินซีสูงกว่าผลสุก มีธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส และอื่น ๆ  ประโยชน์ทางยา รากใช้เป็นยาถอนพิษไข้ และถอนพิษผิดสำแดง ใบ ตอพอกแก้ปวดศีรษะลูก มีรสเปรี้ยวอม หวาน แก้เสมหะ กัดเสมหะในคอ แก้เสลดทางวัว แก้น้ำลายเหนียว และฟอกโลหิต

ข้อมูล สาครบุรี

ภาพ:สาครบุรี.jpg        หลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่าในอดีตมีชุมชนใหญ่ เรียกว่า “บ้านท่าจีน” ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวไทย ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ แห่งกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ.2099) ได้โปรดให้ยก “บ้านท่าจีน” ขึ้นเป็น “เมืองสาครบุรี” เพื่อเป็นหัวเมืองสำหรับเรียกระดมพลเวลาเกิดสงครามแ ละเป็นเมืองด่านหน้าป้องกันผู้รุกรานทางทะเล ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดให้เปลี่ยนชื่อเมืองสาครบุรี เป็น “เมืองสมุทรสาคร” และในปี พ.ศ.2456 รัชกาลที่ 6 ได้ทรงโปรดให้ทางราชการเปลี่ยนคำว่า “เมือง” เป็น “จังหวัด” ทั่วทุกแห่งในพระราชอาณาจักร เมืองสมุทรสาคร จึงได้เปลี่ยนเป็น “จังหวัดสมุทรสาคร” ตั้งแต่บัดนั้นเป็นมาจนถึงทุกวันนี้

อนึ่งในปี พ.ศ.2440 รัชกาลที่ 5 ได้ทรงมีพระราชดำริที่จะสร้างสรรค์ความเจริญ ให้แก่ท้องถิ่น โดยใช้รูปแบบการปกครองแบบสุขาภิบาล และเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2448 ได้ทรงมีพระบรมราชโองการให้ยกฐานะตำบลท่าฉลอมเป็นสุขาภิบาล เรียกว่า “สุขาภิบาลท่าฉลอม” จังหวัดสมุทรสาคร จึงถือได้ว่าสุขาภิบาลท่าฉลอม เป็นสุขาภิบาลแห่งแรกในหัวเมืองของประเทศไทย

กลอน มารักทำไมตอนนี้

จะไม่ร้องขอแม้ว่าใจยังรักอยู่

จะไม่รับรู้ว่าเธอมีคนใหม่

จะไม่แสดงออกว่าหึงหวงแม้เธอเดินควงใคร

จะไม่ใส่ใจเธอเหมือนที่ผ่านมา

ก็เพราะเธอเดินมา..มาบอกว่าลาก่อน

เธอรีบร้อน..มีคนใหม่ไม่อายหน้า

ไม่ใช่ฉัน..เหรอที่พบ..ที่สบตา

แล้วเห็นว่าเธอมีค่าอันมากมาย

แล้ววันนี้ตัวเธอนั้นไม่เหลือใคร

ไม่มีใครคนไหนให้ควงแขน

เธอเดินมาบอกว่าขอเป็นแฟน

อยากมีเธอเดินควงแขนตลอดไป

จะบอกว่าไม่ทันแล้วไอ้หน้าหมี!!

กูรู้ดีว่ามึงต้องพูดแบบนี้

ทีเมื่อก่อนกูง้อมึงจนชินชี

บอกอีกทีกูไม่เอามึงแล้วไอ่สันดาน

กลอน แอบเจ็บ แอบร้องไห้ แอบน้อยใจ แอบคิดว่าเธอไม่ต้องการ

ฉันเจ็บเธอคงไม่เข้าใจ

ฉันแอบร้องไห้เธอคงไม่รู้

เพราะทุกๆความรู้สึกที่มีอยู่

ฉันไม่กล้าพูดออกไป

กลัวเธอไม่เหลียวแล ไม่ดูแลหันหลังใส่

ก็ขอโทษที่พูดแล้วทำให้เธอลำบากใจ

หรือเพราะใจของเธอไม่ต้องการ

บทเพลง พรปีใหม่

สวัสดีวันปีใหม่พา
ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์
ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม
ต่างสุขสมนิยมยินดี
ข้าวิงวอนขอพรจากฟ้า
ให้บรรดาปวงท่านสุขศรี
โปรดประทานพรโดยปรานี
ให้ชาวไทยล้วนมีโชคชัย
ให้บรรดาปวงท่านสุขสันต์
ทุกวันทุกคืนชื่นชมให้สมฤทัย
ให้รุ่งเรืองในวันปีใหม่
ผองชาวไทยจงสวัสดี
ตลอดปีจงมีสุขใจ
ตลอดไปนับแต่บัดนี้
ให้สิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์
สวัสดีวันปีใหม่เทอญ